วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เตรียมตัวก่อนเดินทาง แนะนำสมาชิกของทริป

สวัสดีครับ ทุกท่านที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้นะครับ คราวนี้หลวงไข่พาเที่ยว เป็นทริปเกาะบอร์เนียวในส่วนของรัฐซาบาห์ประเทศมาเลเซียครับ เมืองที่ไปเที่ยวคือ โคตา คินาบาลู (Kota Kinabalu) และเมืองซานดากันครับ (Sandakan) แรกเริ่มเดิมทีมีสมาชิกทั้งหมดมี 7 คนสำหรับทริปนี้ แต่ด้วยเหตุขัดข้องจึงเหลือสมาชิกแค่ 3 คน แต่เราก็ไปครับ ตอนแนกตั้งใจว่าจะไปปืนเขายอดเขาโคตา คินาบาลู แต่เช็คราคาดูแล้วแพงมหาโหดที่สุด ค่าใช้จ่ายตกคนละประมาณ 10000 บาท ซึ่งทำให้เสียความรู้สึกมาก มีเพื่อนเคยไปเมื่อสามปีก่อนก่อนแต่ 3000 กว่าบาท  ด้วยปัจจัยเรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่ทริปเราก็เลยแหวกแนวเล็กน้อยครับ 

แผนการเดินทางของเรา บินด้วยแอร์เอเชีย ครับ เดินทางจากเกาะสมุยด้วยรถบัสไทย-มาเลย์ไปลงหาดใหญ่  นอนค้างหาดใหญ่ 1 คืน แล้วก็ไปขึ้นเครื่องแอร์เอเชียจากสนามบินหาดใหญ่ไปลงสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (LCCT)  (ได้ตั๋วแอร์เอเชียราคาถูกมากครับ 6 เที่ยวบินจ่ายไปแค่คนละ 3000 บาท) ตอนบ่ายวันเดียวกันก็เดินทางจากกัวลาลัมเปอร์ (LCCT) ไปเกาะบอร์เนียว เมืองโคตา คินาบาลู เที่ยวเล่นโคตา คินาบาลูสองวันแล้วก็บินไปเที่ยวต่อ จากเมืองโคตา คินาบาลูไปเมืองซานดากัน ไปล่องแม่น้ำกีนาบาตางัน (มีจระเข้ด้วยนะแม้น้ำนี้) ไปพักกับแคมป์ของอังเคิลตาน เป็นทริป 2 วัน  1 คืน แล้วก็กลับเข้าเมืองซานดากัน พักผ่อนอีก 1 คืน แล้วก็บินกลับทางเดิมแบบน็อนสต๊อป Sandakan - Kota Kinabalu - Kuala Lumpur นอนค้างในสนามบินกัวลาลัมเปอร์ 1 คืนแล้วก็บินกลับหาดใหญ่ แล้วนั่งรถกลับสมุย รวมทริปทั้งหมด 7 วันพอดีครับ 

ทีนี้เราจะแนะนำสมาชิกแล้วนะครับ 



คนนี้หลวงไข่ ไฮเทคมากทริปนี้เริ่มมีการเอาซัมซุงแทบเบล็ตมาใช้ อิๆๆๆ ยังไม่ต้องเห็นหน้าผมก่อนนะครับ เดี๋ยวไม่อยากอ่านบล็อกซะเปล่าๆ 


คนนี้ป้าอ้อยครับ สมาชิกทริปเก่าตอนไปเที่ยวเกาะชวา โบรโม่ บุโรพุทโธเมื่อปีก่อน (สงสัยยังไม่เข็ดที่ไปเที่ยวกับหลวงไข่เมื่อปีที่แล้ว) รูปนี้ถ่ายกับรถบัสไทย-มาเลย์ที่ท่าขนส่งเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี อ่านทริปโบรโม่บุโรพุทโธได้ที่ลิงค์นี้นะครับ


คนนี้เจ๊ปลา ครับผม ชวนกินตลอดทาง ต่อรองราคาเก่งต้องยกให้เจ๊เขานะครับ คราวหน้าต้องพาไปช่วยต่อรองราคาของทุกทริปเลย

การเตรียมตัวเดินทางทริปนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับเหมือนไปเที่ยวในประเทศ อากาศก็คล้ายๆภาคใต้ประเทศไทย มีฝนตกบ่อยๆ แล้วก็แดดแรง อากาศแบบนี้ก็เตรียมยาแก้หวัดไปด้วยนะครับ เผื่อไม่สบาย แล้วก็อย่าลืมเสื้อกันฝนครับ ได้ใช้อย่างแน่นอน แล้วก็หมวกเอาไว้ใส่กันแดดด้วย ถ้าไปเที่ยวแคมป์อังเคิลตานด้วยก็อย่าเอาของกินไปเยอะเดี๋ยวไม่มีที่เก็บแล้วหนูป่าตัวใหญ่ๆจะบุกถึงที่เลยครับ ของผมกระเป๋าตังค์โดนกัดแหว่งไป มันบุกเข้ามาในมุ้งเลย เพราะเป็นกระเป๋าหนัง ดีที่ได้ยินแล้วก็ตื่นมาก่อน ไม่งั้นมันคงกัดทั้งกระเป๋าทั้งตังค์ในกระเป๋า (แต่ทางแคมป์ก็มีถึงพลาสติกมีฝาปิดให้ครับ แต่ถ้าเอาไปเยอะเกินก็เก็บไม่พอครับ 

เดินทางจากสมุยสู่หาดใหญ่ นอนค้างคืนที่หาดใหญ่

วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2555 (2012) ทั้งสามชีวิตประกอบด้วยหลวงไข่ ป้าอ้อย และเจ๊ปลาก็ได้ฤกษ์เดินทางครับผม

เริ่มต้นด้วยที่สถานีขนส่งแห่งใหม่ที่เกาะสมุย อยู่ตรงหน้าทอน และต้องโดยสารกับรถบัสครันนี้ครับ คือรถของบริษัทหาดใหญ่ไทย-มาเลย์ ต้นทางเกาะสมุยปลายทางอ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส รถเดินทางวันละ 2 รอบครับ คือ 6 โมงเช้า กับ 17:30 น. พวกเราเดินทางตอนบ่ายครับ รถออก 17:30 น. คนกำลังสบายๆ ไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ พวกเราจะไปลงที่สถานีขนส่ง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาครับ ค่ารถคนละ 450 บาท (รวมตั๋วเรือเฟอรรี่ข้ามฝั่งเรียบร้อยแล้ว)


ประมาณ ตี 1 ครึ่ง เราก็มาถึงขนส่งหาดใหญ่ครับ จองโรงแรมเอาไว้แล้วทางโทรศัพท์ที่ TD Resident 0864910890 หรือ 074559595 หรือจองอโกด้าก็ได้ครับที่นี่ คืนละประมาณ 590 บาท 


ที่เราเลือก TD Resident เพราะว่ามันอยู่ใกล้กับขนส่งมากที่สุด เดินออกมาด้านหลังแค่ 100 เมตรก็ถึงแล้วครับ อันนี้เป็นบรรยากาศตอนเช้าแล้วนะครับ วันที่ 10 พฤษภาคม 2555 ก่อนที่เราจะเดินทางไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องไปยังกัวลาลัมเปอร์


ให้ดูอีกรูปครับ เผื่อใครจะมาพักหาดใหญ่ จะได้เห็นว่าถ้าเราออกมาด้านหลังขนส่ง เดินออกมานิดเดียวจะเห็นคล้ายๆ วงเวียนอย่างนี้ครับ และด้านซ้ายมือเราในภาพก็จะเป็น TD Resident เลยครับ 

อ่านบทความถัดไป เดินทางจาก หาดใหญ่ สู่ Kuala lumpur และ Kota Kinabalu
อ่านบทความก่อนหน้า  เตรียมตัวก่อนเดินทาง แนะนำสมาชิกของทริป

เดินทางจาก หาดใหญ่ สู่ Kuala Lumpur และ Kota Kinabalu

ตื่นเช้ามาก็หาข้าวกินแถวขนส่งหาดใหญ่ครับ แล้วก็ไปเช็คเอาท์ เดินออกไปขึ้นรถสองแถวสายที่จะไปสนามบินแบบนี้ครับ ตรงแถวด้านหลังขนส่ง


ที่จริงก็รอแถวโรงแรมก็ได้แต่พนักงานบอกว่ามันไม่ค่อยวกเข้ามาจอดก็เลยเดินไปขึ้นที่ขนส่งเลย 


ขึ้นรถแล้วสองป้าก็แอ๊คชั่นสูกล้องทันที นี่ยังไม่ได้ออกนอกประเทศเลยนะเนี่ย 


นั่งรถสองแถวออกมาประมาณ 50 นาทีก็ถึงสนามบินหาดใหญ่ครับผม


รถจอดให้ผู้โดยสารลง ค่ารถคนละ 20 บาท ถูกมากๆๆๆ นั่งมาตั้งไกล แล้วก็เดินเข้าไปในอาคารผู้โดยสารครับ 


พวกเราเช็คอินไว้ล่วงหน้าแล้ว แล้วก็ปริ๊นท์บอร์ดดิ้งพาส มาแล้วด้วย แค่ยื่นบอร์ดดิ้งพาสให้เจ้าหน้าที่ เขาก็จะฉีกเอาไว้ครึ่งหนึ่ง คืนเรามาครึ่งหนึ่ง


ผ่าน ตม.แล้วก็มานั่งรอในเกทครับผม รอขึ้นเครื่องไฟลท์ AK891 ออกจากสนามบินหาดใหญ่ตอนบ่าย 12:35 น.


หิวครับ มาม่าบนเครื่องตามเคย 6 ริงกิต จ่ายเงินไทยบนเครื่องเพราะแลกไปแต่แบงค์ใหญ่ เขาไม่มีตังค์ทอน เลยจ่ายเป็นเงินไทยแทน 60 บาทครับ น้ำอีก 3 ริงกิต หรือ จ่ายไป 30 บาท (เขาไม่รับเหรียญ 10 จ่ายไป 40 บาท เขาทอนกลับมาให้ 1 ริงกิตก็ประมาณ 10 บาทครับ)


เวลา 14:45 ตามเวลาท้องถิ่นของมาเลย์เซีย หรือ 13:45 บ้านเรา (เวลาที่มาเลเซียใช้เร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมงครับ) เครื่องก็ลงจอดสนามบินกัวลาลัมเปอร์ LCCT แบบไม่ดีเลย์เลยครับ หลังจากนั้นก็ผ่านพิธีเข้าเมืองของกัวลาลัมเปอร์ (จะบอกว่าครั้งนี้ไม่เห็นเขาแจกใบ immigration card เลยครับตอนเราอยู่บนเครื่อง สรุปว่าเขาไม่ใช้แล้วครับ เพราะพอผ่าน ตม.ที่กัวลาลัมเปอร์เขาก็แค่สแกนลายนิ้วมือเราเท่านั้นเองครับ)


ถึงเวลาให้อาหารครับ หิว อิๆๆ หากินที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์เลยครับ ชามนี้เรียกว่านาซีเลอมัก (Nasi Lemak) เป็นข้าวใส่ไก่ทอดราดซอสมันๆแบบมาเลย์ ใส่ปลากรอบกับถั่วและไข่ดาว อร่อยดีครับ ชามนี้ 10.3 ริงกิตครับ ประมาณ 103 บาท 


ชามนี้เรียกอะซัมลักซา (Asam Laksa) ชามละ 9.3 ริงกิต หรือ 93 บาท ชามนี้ของป้าอ้อย เห็นบอกว่ารสชาติเหมือนๆข้าวซอยของบ้านเราครับ


กินเสร็จก็รอเข้าเกท เช่นเคยครับเราปรินท์บอร์ดิ้งพาสมาแล้ว แต่ไปถามเจ้าหน้าที่ว่าไปเข้าเกทไหนเท่านั้นก็เข้าไปรอเลยครับ มาwifi ฟรีให้ใช้ด้วยครับ เร็วดีด้วย ถ้านอกเกทสัญญาณต่ำมาก มาในเกทเร็วสุดๆ สัญญาณแรงจริงๆ 



ทริปนี้เป็นทริปกินดะครับ กินตลอดทาง อิๆๆๆ ผลไม้แช่อิ่มขายในเกทครับ ของเจ๊ปลา สารพัดผลไม้แช่อิ่มตากแห้ง 


ขึ้นเครื่องไฟลท์ AK5116 ตอน 18:05 ตามเวลาท้องถิ่น ถึงโคตา คินาบาลูตอน 20:40 ครับ ใช้เวลาบินนานประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ถึงโคตาคินาบาลูค่ำแล้ว มากๆด้วย ถึงโคตาคินาบาลูก็ต้องผ่าน ตม.อีกรอบนะครับถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศมาเลเซียเหมือนกัน เพราะที่นี่คือรัฐซาบาห์ อยู่บนเกาะบอร์เนียวครับ ออกมาตรงทางออกก็จะเจอเคาน์เตอร์ taxi ของสนามบินครับ เราบอกว่าจะไป Rainforest Lodge เขาก็บอกราคามาเสร็จสรรพ 30 ริงกิต ประมาณ 300 บาท ออกใบเสร็จมาให้เรียบร้อย แล้วให้เราเอาไปให้แท็กซี่ที่รออยู่ด้านนอกตามคิวของเขา เจอแท็กซี่พูดไทยได้ด้วยครับ พูดไทยได้พอประมาณ มีหลวงพ่อทวดในรถพี่แกด้วย บอกเจ้านายเป็นคนไทยให้มา 


แค่ 10  นาทีก็มาถึงโรงแรมแล้วครับ ใกล้มาก เหมือนจะแพง แต่จะบอกว่าที่เกาะสมุยแพงกว่าอีกค่าแท็กซี่ 555 มาถึงโรงแรมก็เช็คอิน สมาชิก 7 คนจองไว้เป็นแบบดอร์มหมดเลย แต่มาแค่ 3 คน เราเลยขออัพเกรดไปเป็นห้อง deluxe แบบมีห้องน้ำในตัวไม่ใช่ห้องน้ำรวม เขาก็ให้ น้องเสื้อดำในรูปคนนี้เป็นคนจัดการให้ทุกอย่างน่ารักมาก ก็เลยซื้อทัวร์กับน้องเขาที่โรงแรมซะตอนนั้นเลย ไม่ต่่อรองราคาซักริงกิตเดียวเลย ทัวร์เที่ยวคินาบาลูปาร์คกับพอริ่งฮอทสปริง คนละ 190 ริงกิต หรือคนละ 1900 บาท แพงเหมือนกัน แต่เข้าใจว่ามันไกล ก็เลยยอมจ่าย ราคานี้รวมค่าเข้าที่ต่างๆ และอาหารกลางวันด้วยครับ 


สภาพของห้องนอนของพวกเรา ก่อนที่จะโดนปู้ยี่ปู้ยำครับ อิๆๆ หลวงไข่ได้นอนเตียงเดี๋ยวริมขวาสุดเลย สบายใจห้องกว้าง มากๆ ครับ 


ใบเสร็จราคาทัวร์ ให้ดูเลยครับ จ่ายไป 190 ริงกิตต่อคน 


เก็บข้าวของในห้องเสร็จแล้วก็ออกมาเดินเล่นข้างนอกแถวๆดรงแรมครับ ตัวเมืองโคตาคินาบาลูเล็กมากๆครับ หาของกินได้เยอะมากครับ แถวๆ โรงแรม


ถ่ายหน้าโรงแรมเพื่อนบ้านบริเวณใกล้กันครับ กลัวเขาไม่รู้ว่ามาถึง Kota Kinabalu แล้ว อิๆๆ


อาหารจากเมืองไทยในเซเว่นบ้านเ้ค้า เคยกินมั้ยครับปลาแผ่นราดพริกเสียบไม้แบบนี้


ร้านสะดวกซื้อ 7Eleven แถวๆโรงแรมครับ


มื้อนี้กินบักกุดเต๋ ผัดผัก อร่อยมาก หิวสุดๆ เพราะเดินทางมาทั้งวันแล้ว ขนาดกินเยอะนะเนี่ยยังหิวอีกมื้อนี้จ่ายไป 26.5 ริงกิตหรือประมาณ 265 บาท ก็ไม่แพงนะ กินกันสามคนราคาก็ประมาณบ้านเราเลย


รูปถ่ายด้านหน้าของโรงแรมเราครับ Rainforest Lodge มีร้านอาหารไทยด้วยเห็นป้ายมั้ยครับ Bangkok 


อีกมุมหนึ่งด้านซ้ายก็เป็นร้านอาหารของโรงแรมเช่นกันครับ ที่ที่เราจะต้องมาทาน breakfast กันตอนเช้าครับ ห้องที่เราจองมานี้รวมอาหารเช้าแล้วด้วยนะโรงแรมเรา สองดาวแต่ไม่ธรรมดาครับ


บาร์ด้านข้างโรงแรม มีดนตรีเล่นสดและนักร้องด้วยครับ


ภายในล็อบบี้ของโรงแรม Rainforest Lodge ครับ มีรูปพระมหาราชวังของบ้านเราแขวนอยู่ด้วยครับตรงฝาผนัง

อ่านบทความถัดไป เที่ยว Poring Hot Spring & Canopy Walk Way
อ่านบทความก่อนหน้า เดินทางจากสมุยสู่หาดใหญ่ นอนค้างคืนที่หาดใหญ่

เที่ยว Poring Hot Spring & Canopy Walk Way

ตื่นเช้ามาก็ออกเดินทางไปทริปคินาบาลูปาร์คกับพอริ่งฮอทสปริง ทัวร์เริ่ม 8 โมงเช้า เราก็รีบไปทานอาหารเช้าของโรงแรมก่อน รอนานมากจนเกือบ 8 โมงแล้วยังไม่ได้ เราก็เลยบอกให้เขาทำใส่กล่องให้เราแทน เป็นไข่ดาว ฮอทด็อกสองชิ้น ราดซอสถั่ว ใส่กล่องมา 3 กล่อง โชเฟอร์เรามารออยู่นานแล้ว ทริปนี้มีฝรั่งจอยเรามาด้วย 1 คนเป็นสาวชาวออสซี่ ชื่อเอริน

เริ่มออกเดินทางจากโรงแรม Rainforest Lodge ออกมานอกตัวเมือง  สักพักโชเฟอร์ก็พาเราออกมาบนถนนเส้นนี้ที่เลียบชายฝั่งของเมืองโคตาคินาบาลู วิวสวยงามมากมายครับ 


ตรงนี้คืมัสยิดใหญ่ของเมืองโคตาคินาบาลูครับ สวยงามเลยทีเดียว แต่เราไม่มีเวลาแวะที่นี่ครับ เพราะที่นี่นักท่องเที่ยวก็ไปเที่ยวถ่ายรูปได้ด้วยครับ 


ขับออกมาประมาณ 40 นาทีก็ถึงสถานที่ที่เรียกว่าบ้า่นกลับหัวครับ เป็นสถานที่ที่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูป เราไม่ได้เข้าข้างในเพราะค่าเข้า 18 ริงกิต เราถามว่าข้างในมีอะไร เขาบอกว่ามีเฟอร์นิเจอร์ที่ประดับตกแต่งอยู่ภายในบ้านแต่ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านกลับหัวทั้งหมดครับ 


ด้านข้างๆของบ้านกลับหัวก็มีรถยนต์กลับหัวด้วยครับ อิๆ


อีกมุมนะครับ มองจากรั้วด้านนอกถ่ายเข้ามาด้านใน 


ขับไปอีกปรมาณ เกือบ ชั่วโมงก็มาถึงสถานที่ชมวิวของยอดเขาคินาบาลูครับ เป็นสถานที่พักรถและมีสินค้าจำพวกของที่ระลึกจำหน่าย เราก็ได้แม่เหล็กติดตู้เย็นมา 3 อัน 10 ริงกิต สวยๆทั้งนั้น 


ป้าอ้อยกับยอด Mt.Kinabalu ครับ 


เจ๊ปลากับร้านขายของที่ระลึกครับ 


อันนี้เอารูปแม่เหล็กติดตู้เย็นและกรรไกรตัดเล็บที่ซื้อมาแจกที่เขาขายกันจะเป็นแบบนี้ ส่วนโปสการ์ดจะซื้อมาจากสถานสงเคราะห์ลิงอุรังอุตังที่เซปิโละก์ที่จะกล่าวถึงตอนหลัง 



ขับมาเรื่อยๆก็จะถึงสถานที่ของอุทยานโคตาคินาบาลู


ป้ายค่าเข้า รวมในทริปแล้ว คนละ 15 ริงกิต สำหรับชาวต่างประเทศ 


เข้ามาข้างในจะเป็นอาคารนิทรรศการ ของคินาบาลูปาร์ค ประวัติความเป็นมา และพรรณพืชพรรณสัตว์ต่างๆ


ภาพนี้แสดงดอกบัวผุด (ประเทศไทยมีที่อุทยานแห่งชาติเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี) ที่มีขนาดใหญ่มากของคินาบาลูปาร์ค ครับผม 

ด้านหน้าอาคาร ภายนอก มีป้ายแสดงสถิติ คนที่ขึ้นเขาคินาบาลูได้เร็วที่สุดครับ 


สักพักโชเฟอร์ก็พาเรามาด้านหลังของอาคารนี้บอกว่ามาดูดอกบัวผุดที่ใหญ่อลังการมากๆ


พอมาดูปรากฏว่าเป็นดอกบัวผุดปลอม ทำเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปครับ เจ๊ปลาเลยจัดซะ 1 รูป


ไปอีหน่อยก็ถึงที่ฮอทสปริงที่อยู่ใกล้กัน และฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหาร โชเฟอร์พาเรามากินข้าวเที่ยงก่อนครับ ให้อาหารเยอะมากๆ กอนแทบไม่หมด รสชาติก็ถูกปากใช้ได้ครับ เหมือนๆอาหารบ้านเราเลย 


ร้านอาหารนี้เป็นของโรงแรมชื่อ Round Inn มี Wifi ให้ใช้ฟรีด้วยครับ แต่ต้องขอพาสเวิร์ดจากร้านครับ 


กินข้าวเที่ยงเสร็จโชเฟอร์ก็พาเรามาข้ามถนนมายังพอริ่งฮอทสริงและคานูปปี้วอล์คเวย์ครับ จ่ายค่าเข้าตรงนี้ พี่โชเฟอร์จัดการให้ (รวมในแพคเกจแล้ว คนละ 18 ริงกิต ถ้าจำไม่ผิด) และ เราจะต้องจ่ายค่ากล้องถ่ายรูปตัวละ 10 ริงกิตด้วย ชาร์ตแบบมหาโหดมากประเทศนี้ ก็เลยต้องซ่อนกล้องเล็กไว้ในกระเป๋า แล้วค่อยเอามาใช้ทีหลัง จ่ายแต่กล้องใหญ่กล้องเดียว 


จ่ายตังค์แล้วก็เดินมาทางนี้ครับ เป็นทางเดินเข้าไปข้างในป่า


ฝนเจ้ากรรมตกแบบไ่ม่มีปี่มีขลุ่ย เปียกเลย ดีที่โชเฟอร์เตรียมร่มมาให้แล้ว


สระว่ายน้ำร็อคพูล สวยน่าว่ายเล่น แต่ฝนตก มีป้ายเตือนด้วยว่า "swim at your own risk" ประมาณว่าว่ายน้ำแบบดูแลตัวเองไม่มีใครมาดูแลคุณหรอกนะ  


อีกรูปอีกมุมของสระว่ายน้ำร็อคพูล


ฝั่งตรงข้ามเป็นฮอทสปริงที่นักท่องเที่ยวมาแช่เท้าหรืออาบน้ำแร่แบบอุ่นๆร้อนๆ


ทางเดินไป Canopy Walkway ครับ


ต้องเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆเลยนะครับแบบบนี้เลย ฝนยังไม่หยุดตกเลย 


ป้ายบอกทางว่าเราเดินขึ้นมาระยะทาง 550 เมตรแล้ว 


สุดท้ายก็มีสเตชั่นให้เริ่มเดินบน Canopy Walkway แบบนี้ มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจบัตร และตรวจกล้องตรงนี้  เราจ่ายมากล้องเดียว แต่เขาเห็นมากกว่า 1 กล้อง เราเลยบอกว่าเราจะเก็บกล้องเอาไว้ไม่ใช้ เขาเลยโอเค (แบบไม่เต็มใจนัก) 


ทางเดิน Canopy Walkway จะเป็นแบบนี้ครับ เป็นไม้กระดานแผ่นใหญ่ ยาว มีเชื่อกรับน้ำหนัก ผูกติดกับต้นไม้ใหญ่ ขอบากว่าต้นไม้ใหญ่มากจริงๆครับ สูงมากด้วย ป่าบอร์เนียวนี้อุดมสมบูรณ์จริงๆเลยครับ


เจ๊ปลาบน Canopy Walkway ครับ


หลวงไข่แอบหลังต้นไม้ครับ (หล่อนักรึไง)


อันนี้ชมนกชมไม้แบบชิลๆครับ ฝนเร่มหยุดแล้ว ต้นไม้สูงใหญ่มากๆๆๆๆ (เฮ้ย!! พุง!!)


เดินจนเหนื่อยแล้วครับ สุดทางก็เดินลงมาด้านล่างทางเดิม แล้วลงแวะแช่เท้าที่ poring hot spring 


เจ๊ปลาภูมิใจนำเสนอ มีผู้ชายหนุ่มๆ อยู่ข้างหลังเป็นแบ็คกราวน์ อิๆ


ขอสักรูปละกัน หลวงไข่ไม่มีรูปเลยนิ


แช่น้ำ poring hot spring จนหนำใจแล้วก็กลับเมืองโคตาคินาบาลูครับ ระหว่างทางแวะตลาดสดด้วยครับ เพราะขามาก็ผ่านแต่บอกโชเฟอร์เอาไว้ว่าขอแวะขากลับด้วย (คนละที่กับที่ซื้อของที่ระลึกก่อนหน้านี้นะครับ)


ใบอะไรก็ไม่รู้ชุบแป้งทอด คล้ายๆ ใบกระท่อม อิๆๆ


กลับมาถึงโรงแรมก็ไม่เย็นมากเลยออกมาเดินเล่นกัน เดินออกมาเลียบถนนชายหาดก็จะเจอกับเจ้าปลาตัวนี้เป็นวงเวียน สัญลักษณ์โคตา คินาบาลูครับ


อ่าวที่เมืองโคตา คินาบาลู ใกล้กับวงเวียนปลาหัวเข็มครับ 


อิๆ รูปนี้ เป็นโปรไฟล์ในเฟซบุ๊คผมเองครับ 


ตลาดริมอ่าวเป็นที่ขายอาหารตอนเย็นครับ ส่วนใหญ่จะเป็นซีฟู้ดครับ


ขนมหวานหลากสี เราสั่งข้าวกินแบบอาหารตามสั่งแบบกับข้าว แล้วก็เดินกลับโรงแรมพักผ่อนครับ


ก่อนกลับก็ถ่ายรูปกับเจ้าปลาโลมาริมอ่าว ตัวนี้อีกตัวครับ อยู่ไม่ไกลจากเจ้าปลาหัวเข็มที่วงเวียนในรูปก่อนหน้าครับผม

อ่านบทความถัดไป เดินเที่ยวในเมือง Kota Kinabalu, เที่ยวหมู่บ้าน Mari Mari Cultural Village
อ่านบทความก่อนหน้า เดินทางจาก หาดใหญ่ สู่ Kuala Lumpur และ Kota Kinabalu