วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เดินทางจาก Kota Kinabalu ไป Sandakan เดินทางไป Uncle Tan Camp

เมื่อคืนที่เรานัดอีตาไกด์ที่พาเราไปทัวร์เมื่อคืน มารับเราจากโรงแรมไปส่งสนามบินตอนตี 5  เพื่อจะไปเมืองซานดากันเที่ยวบินเวลา 7.05 น. พวกเรารอจนตี 5 15 นาที แต่ไกด์เวรนั่นมันก็ยังมาไม่ถึง พอโทรไปตามเบอร์ที่มันให้มาเมื่อคืนมันบอกว่าจะถึงอยู่แล้วให้รออีก 5 นาที พอเวลา 5.20 มันก็ยังมาไม่ถึง เจ๊ปลาชักจะหงุดหงิดเลยเดินไปถามแท็กซี่ที่จอดอยู่หน้าโรงแรม 2-3 คัน แท็กซี่บอกราคาไปสนามบิน 30 ริงกิต เราตัดสินใจไปทันที เพราะอีตาไกด์นั่นมันบอก 45 ริงกิต เพราะเรานัดมันเช้าตี 5 แต่มันเลทอย่างนี้ใครจะรอมัน ผมเลยโทรไปบอกมันว่าไม่ต้องมาแล้ว เราได้แท็กซี่แล้ว มันด่าพวกเราใหญ่หาว่าไม่รอมัน ผมเลยด่ากลับไปว่าคุณมีหน้าที่บริการ ควรมีความตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่คุณเลทแล้วเลทอีก ตั้งแต่ทัวร์เมื่อคืนแล้ว พูดจบผมวางสายใส่มัน เพราะกลัวมันด่ากลับมาอีก เลยปิดมือถือรอขึ้นเครื่องไปเลย ค่อยเปิดตอนถึงเวลาอยู่เมืองซานดากัน 


ไฟลท์เราเที่ยวบิน  AK6092 ตอน 7:05 นาฬิกา มาถึง ซานดากันตอน 7.50 น. ใฃ้เวลานิดเดียวแบบไม่ทันได้หลับ วิวภูเขาโคตาคินาบาลูสวยมาก ป่าบอร์เนียวเบื้องล่างเขียวครึ้มสวยงามมาก แบบว่าไม่มีส่วนไหนเลยที่มีการบุกรุก


พวกเราถือกระเป๋าขึ้นเครื่องเองจึงไม่ต้องรอรับกระเป๋า ออกมาด้านนอกก็เจอเคาน์เตอร์แท็กซี่ อย่างนี้ครับ เราเลยบอกว่าไปอังเคิลตาน เขาออกใบเสร็จให้มา ราคา 35 ริงกิตครับ ดูเหมือนจะแพง แต่บอกไว้ก่อนว่าไกลมากครับกว่าจะถึงอังเคิลตาน ถ้าเทียบ 30 ริงกิตจากสนามบินโคตาคินาบาลูเข้าเมือง แสดงว่าเมืองซานดากันค่าครองชีพถูกกว่าโคตาคินาบาลูเยอะมากครับ 


ระหว่างทางที่นั่งแท็กซี่มาก็จะเจออนุสาวรีย์นี้ครับ


ถึงสามแยกใหญ่แห่งหนึ่ง แท็กซี่เลี้ยวพาเราเข้ามา เป็นถนนร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ทั้งสองข้างทาง ซึ่งทางนี้ก็เป็นทางเดียวกับที่เราจะต้องเข้าไปดูลิงอุรังอุตังที่ศูนย์ที่เซปิโละก์ครับ 



แต่เราจะถึงออฟฟิซของอังเคิลตานก่อนครับ ก็เข้าเช็คอินและจ่ายตังค์เลยครับ เพราะเราจองทริปนี้ผ่านทางอินเตอร์เน็ทมาเรียบร้อยแล้วครับที่ http://www.uncletan.com/ ราคาทริป คนละ 320 ริงกิต ก็ตกประมาณคนละ 3200 บาท ถือว่าไม่แพงมากครับ เพราะต้องนั่งรถนั่งเรืไปอีกไกลมากจากนี้ครับ ทริปที่เราจองวันนี้มีเราสามคน และฝรั่งผู้หญิงในรูปชาวโปแลนด์อีก 1 คนครับ ดีใจมาก ตอนแรกนึกว่าคนเยอะ เขาบอกว่าเราไปช่วงหน้าโลว์ยังไม่ถึงช่วงไฮซีซั่น 



ไปถึงปุ๊บ เขาให้เรากินข้าวมื้อแรกเลยครับที่นี่ เป็นบุฟเฟต์ ก็มีข้าวสวย ผัดวุ้นเส้น ไก่ทอด ปลาทอด ปูผัดผงกะหรี่ คิดในใจ อาหารบ้านเราชัดๆ 555 อร่อยเลย ตามด้วยแตงโมและสับปะรดอีกหลายชิ้นจนพุงกางไปเลย กินเสร็จก็มานั่งเล่นอินเตอร์เน็ทครับ มี WIFI ฟรีที่รีเซ็ปชั่น ขอพาสเวิร์ดเขาได้ฟรีครับ 


ด้านหน้า เป็นสวนแต่เปียกชื้นหน่อยเพราะไกด์บอกว่าเมื่อคืนฝนลงหนักเลย 


สักพักพนักงานบอกเราว่าให้เอาของหรือสัมภาระมาฝากไว้ที่รีเซ็)ชั่น เพราะจะมีรถพาเราไปที่ศูนย์พิทักษ์ลิงอุรังอุตังครับ เป็นรถตู้ พาเราออกมาจากออฟฟิซอังเคิลตาลไปที่ศูนย์ ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีครับ รถนี้บริการรับ-ส่งฟรีครับ ตรงนี้เป็นป้ายด้านหน้าตรงทางเข้าศูนย์ครับ 


อีกป้ายหนึ่งเป็นป้ายบอกเวลาการใฟห้อาหารอุรังอุตังครับ มีสองรอบต่อวัน คือ 10.00 น. และ 15.00 น. ครับ ถ้าอยากเห็นอุรังอุตังกินอาหารต้องมาเวลานี้ เพราะมันไม่ค่อยออกมาให้คนเห็นเท่าไหร่ ครับ

ก่อนจะเข้าไปเราต้องซื้อตั๋วตนละ 30 ริงกิตก่อนนะครับ และค่ากล้องอีกตัวละ 10 ริงกิต ส่วนของอื่นๆเช่นหมวกหรือแว่นตาหรือไอแพ็ด เขาบอกว่าให้เอาไปเก็บไว้ในล็อกเกอร์ครับ มีล็อกเกอร์บริการฟรี ให้กุญแจเราไว้ด้วย แล้วค่อยมาไขเอาคืนไป ที่เขาให้เก็บเพราะกลัวลิงมาแย่งจากเราไป  จ่ายเงิน และเก็บของเสร็จแล้วเราก็เดินเข้ามาทางด้านหลังออฟฟิซครับเป็นทางเดินแบบนี้ ลึกเข้าไปเรื่อยๆในป่าครับ 


แอบถ่ายเจ้าอุรังอุตังตัวนี้ครับ มันอยู่ค่อนข้างไกล ซุมไกลแบบไม่เบลอเลยนะเนี่ย มือนิ่งใช้ได้ ใครตั้งใจถ่ายพวกนี้ ขอแนะนำให้หากล้องที่ซูมได้เยอะๆนะครับ 


มีนักท่องเที่ยวผรั่งมายืนรอดูการให้อาหารเจ้าอุรังอุตังอยู่ก่อนแล้วเยอะมากครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นกรุ๊ปทัวร์มากับไกด์ครับ ไม่เหมือนพวกเรา มาเที่ยวกันเอง เก่งนะเนี่ย 


ตรงฐานที่วางอาหารตอนนี้ยังไมีมีอุรังอุตังครับ มีแต่ลิงกัง ( macaque ) พวกนี้มากินก่อน 


รูปนี้ให้ดูเฉยๆ ว่ามีฝรั่งนั้งนั้น ที่มาทริปดูอุรังอุตังนี้ เจอคนไทยด้วยกลุ่มหนึ่ง แต่เขามากับทัวร์แพคเกจ

10 โมงเช้า เจ้าหน้าที่ก็เอาอาหารมาให้ อุรังอุตังพวกนี้เหมือนรูเวลาเลยครับ มันก็ไต่เชือกมากินกัน 


เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมอาหารให้อุรังอุตังกินบนแพลทฟอร์มบนต้นไม้ครับ


ตัวนี้กำลังไต่มา หันหลังให้ แล้วไปแอบอยู่ ไม่ยอมไปกิน 


ตัวนี้กระเตงลูกน้อยมาด้วย น่ารักน่าเอ็นดู 


ดูเขาให้อาหารเสร็จก็ทะยอยเดินกลับกันออกมาตรงทางออก เจอเจ้าอุรังอุตังตัวนี้อีกตัว ออกมายืนตรงขอบรั้วกั้นของทางเดิน 


เสร็จแล้วเราก็เข้าไปดูวิดีทัศน์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวชม จะมีเป็นรอบๆให้ ดุ ต้องเช็คเวลาเอาเองครับ รอบละประมาณ 40 นาที เป็นภาษาอังกฤษเกี่ยวกับประวัติของศูนย์อุรังอุตังนี้ ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็หลับไปเลย เพราะต้องตื่นเช้า พอได้แอร์ก็หลับเลย พอจบวิดีทัศน์ก็เข้าไปอีกห้องหนึ่งด้านหน้า เขาจัดนิทัศการเอาไว้ ให้เราศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอุรังอุตังครับ 


อยู่ในห้องนิทัศการ ได้ยินเสียงกุกกักๆ ข้างน้อง พอมองออกไปเจอเจ้าจ๋อลิงกัง บุกขึ้นมาคุ้ยถึงขยะหาของกิน 4-5 ตัว พวกเรากลัวมันจะมาเอารองงเท้าที่ถอดไว้หน้าห้อง เลยไล่มันไป  พวกมันก้ไม่ไป แถมทำหน้าแอ๊บแบ๊วใส่อีกต่างหาก แต่พอเจ้าหน้าที่เห็นพวกมัน ไล่มัน มันก็หนีหายไปหมดในพริบตาเลย 


ชมอุรังอุตังเสร็จแล้วก็รอรถตู้ของทางอังเคิลตานมารับกลับไปออฟฟิซ ตอนประมาณ เที่ยงๆ แล้วก็เตรียมข้าวของที่จะไปแคมป์กัน ส่วนของที่จะไม่เอาไปทางออฟฟิซอังเคิลตานมีล็อคเกอร์ให้เก็บฟรีครับ สักพักประมาณบ่ายโมงรถก็พาเราออกจากออฟฟิซอังเคิลตานไปยังแคมป์ของอังเคิลตานครับ ใช้เวลาเดินทางทางรถ 1 ชั่วโมงครึ่งจากออฟฟิซอังเคิลตานมาถึงท่าเรือของแม่น้ำกีนาบาตางันตรงนี้ครับ

ให้เห็นท่าเรือ และเรือลำนี้ที่เราจะนั่งไปอีก 1 ชั่วโมงเต็มหลังจากนี้


ที่ท่าเรือไม่มีห้องน้ำใดๆ ทั้งสิ้น หลวงไข่ปวดฉี่มาก เพราะนั่งรถมาไกล ก็เลยบอกคนเรือ เขาเลยพาเดินย้อนกลับมาขอเข้าห้องน้ำบ้านชาวบ้านแถวนั้น 



กัปตันเรือพร้อมออกเดินทางแล้วครับ 


แต่สามสาวลูกทัวร์ยังไม่พร้อมเพราะต้องถ่ายรูปไว้เป็นทีระทึกกันก่อน


เรือออกจากท่าแล้วครับ ใส่เครื่องสปีดโบทของยามาฮ่า ถ่ายมองย้อนกลับมายังท่าเรือ


สองสาว กัปตัน และสายน้ำของแม่น้ำกีนาบาตางันที่ว่ากันว่ามีจระเข้อาศัยอยู่  (แต่ไม่เจอซักกะตัวตลอดทั้งทริป)


หลวงไข่ครับ นานๆ ทีได้ซักรูป 


ป่าสองข้างของแม่น้ำ ยังเป็นป่าลึกไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลยครับ 


1 ชั่วโมงผ่านไป เราก็มาถึงแคมปืของอังเคิลตานครับ 


ไกด์ออกมาต้อนรับ ให้ดื่มชา กาแฟ ตามอัธยาศรัย


สนามฟุตบอล และโรงอาหารของแคมป์ครับ 


ที่ประชุมลูกทัวร์ครับ 


แคมป์อังเคิลตานจะเป็นลักษณะเป็นกระท่อมแบบนี้ครับ มีหลายหลังมาก 


ห้องน้ำ และที่อาบน้ำรวมครับ ทั้งหญิงชาย 


กระท่อมหลังนี้เป็นของพวกเราทั้ง 4 คนครับ 3 ไทย 1 โปแลนด์ 


ที่นอนจะเป็นเบาะนอนเรียงกัน และมีมุ้งให้ครับ 


เก็บข้าวของ รีแล็กซ์ ที่นี่เขมีถังน้ำมีฝาปิดเตรียมไว้ให้ด้วย เพราะกลางคืนหนูตัวใหญ่มากมันจะเข้ามากัดกิน ของหลวงไข่ มันมากัดกระเป๋าตังขาดไปนิดหนึ่ง ดีที่ตื่นมาไล่มันทัน ไม่งั้น ตังค์เป็นรูหมดคงใช้ตังค์ไม่ได้  หนูมันกัดเข้ามาในมุ้งเลย มุ้งขาดเป็นรูเบ้อเร่อ 


ตอนค่ำก่อนสามทุ่มก็ไปนั่งเล่นกัน ปรากฏว่าฝนตกลงมาห่าใหญ่ที่สุด ฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้าง 


น้องๆ ที่แคมป์เอาอาหารมาเสิร์ฟ ท่ามกลางสายฝน น่ารักกันจริง น่าสงสารน้องๆเขาด้วยครับ (วันกลับให้ทิปใส่กล่องซะเยอะเลยครับ)


สามทุ่มแล้วฝนหยุด เหลือตกปรอยๆ เราก็ออกทริปส่องสัตว์กันตอนกลางคืน เจอเจ้านกตัวนี้ จำชื่อเรียกไม่ได้แล้ว ไม่รู้ชื่ออะไร 


แล้วก็เจอตัวนี้ นกเค้าแมวใช่มั้ย


เห็นสัตว์ไม่ค่อยเยอะ เท่าไหร่ กลับมาก็นอน ไม่ได้อาบน้ำอีก เพราะอาบน้ำไปตอนเย็นแล้ว อีกอย่างฝนตกมันก็หนาวด้วย เลยไม่มีใครอาบกัน ไฟฟ้าก็ใช้เครื่องปั่น ตัดไฟตอนเที่ยงคืนครับ  หลวงไข่นอนไม่ค่อยหลับ หนูกวนทั้งคืน สามสาวหลับกรนคร่อกๆ หนวกหูมากๆๆๆๆๆๆๆ

อ่านบทความถัดไป Morning Safari , เดินทางกลับเมือง Sandakan 

อ่านบทความก่อนหน้า เดินเที่ยวในเมือง Kota Kinabalu, เที่ยวหมู่บ้าน Mari Mari Cultural Village 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น